College of Population Studies, Chulalongkorn University, in collaboration with the Department of Older Persons under the Ministry of Social Development and Human Security, organized the International Conference and Workshop titled “Enhancing Well-Being by Realizing Family Dynamics and Promoting Intergenerational Solidarity for an Inclusive Society.” The opening ceremony featured remarks from Professor Wilert Puriwat, Acting President of Chulalongkorn University, Mrs. Pornnipa Masileerangsi, Deputy Director-General of the Department of Older Persons, and Mr. Anan Dontri, Deputy Permanent Secretary of the Ministry of Social Development and Human Security, on September 4, 2024, at the Anoma Grand Hotel, Bangkok.
The conference aimed to promote academic collaboration on aging issues among networks and partners both domestically and internationally, facilitating the exchange of knowledge and experiences to develop projects and policies that enhance the quality of life and welfare of older adults. It sought to establish a collaborative network and promote strategic studies to develop the potential of individuals of all ages in line with the current context of aging populations.
Key recommendations from the conference included:
- Promoting Age-Inclusive Employment Policies: There is a strong emphasis on implementing employment policies that combat ageism and promote equal opportunities, particularly for older adults and women. Strengthening intergenerational care and social protection systems is essential to support older persons and caregivers. Lifelong learning, digital inclusion, and intergenerational collaboration are vital to reduce isolation and enhance social participation. Community-based care models, time banking, and grandparenting education were highlighted as effective ways to improve well-being across generations. Expanding access to technology and actively promoting policies for healthy aging will help bridge the digital divide and strengthen family connections in an aging society. Collaboration among government, NGOs, and the private sector is crucial.
- Healthy Aging Initiatives: The recommendations focus on promoting healthy aging through community-based care, intergenerational collaboration, and home-based care models that strengthen family ties. Lifelong learning, digital inclusion, and assistive technologies are key to reducing isolation and empowering older persons. Policies should be inclusive, flexible, and gender-sensitive, recognizing diverse family structures and caregiving roles. Key priorities include expanding Universal Health Coverage (UHC), preventing older persons abuse, and addressing stigma around dementia. Public health policies should promote intergenerational interactions and health literacy. Co-designing intergenerational programs and leveraging technology will enhance family dynamics, foster social inclusion, and create supportive environments for all ages.
- Enhancing Intergenerational Relationships: The conference emphasizes the importance of promoting intergenerational relationships through community and family initiatives, especially supporting left-behind parents, and creating inclusive spaces for all ages to facilitate aging in place. Tailored care models such as Australia’s “Home Care Packages” and the “Home Share Model” are key to addressing housing shortages and enhancing community ties. Inclusive environments should prioritize accessibility, safety, and social inclusion, utilizing health innovations and assistive technologies. Community involvement in policy design and investments in preventive health, social enterprises, and the “Silver Economy” are essential for fostering intergenerational cooperation, financial stability, and active participation in society.
The conference successfully highlighted the importance of collaborative efforts and innovative practices to create an inclusive society that supports individuals of all ages.
วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดการประชุมวิชาการและเวิร์คช็อประดับนานาชาติในหัวข้อ “การเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีด้วยพลวัตครอบครัวและการผนึกพลังร่วมกันระหว่างรุ่นเพื่อมุ่งสู่สังคมสำหรับคนทุกวัย” โดยมีพิธีเปิดการประชุมเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567 ณ โรงแรมอโนมา แกรนด์ กรุงเทพฯ ซึ่งมีการกล่าวเปิดงานโดย ศาสตราจารย์ ดร. วิเลิศ ภูริวัชร ผู้รักษาการอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นางพรนิภา มาสิลีรังสี รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ และนายอนันต์ ดนตรี รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการในเรื่องผู้สูงอายุระหว่างเครือข่ายและพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการและนโยบายที่ยกระดับคุณภาพชีวิตและสวัสดิการของผู้สูงอายุ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของคนทุกช่วงวัยให้เข้ากับบริบทสังคมสูงวัยในปัจจุบัน
ข้อเสนอแนะที่สำคัญจากการประชุมมีดังนี้
- ส่งเสริมการจ้างงานที่ครอบคลุมทุกช่วงวัย มีการเน้นย้ำให้ดำเนินนโยบายการจ้างงานที่แก้ไขปัญหาอคติทางอายุและส่งเสริมโอกาสที่เท่าเทียม โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุและสตรี การเสริมสร้างระบบการดูแลระหว่างรุ่นและการคุ้มครองทางสังคมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสนับสนุนผู้สูงอายุและผู้ดูแล การเรียนรู้ตลอดชีวิต การรวมดิจิทัล และความร่วมมือระหว่างรุ่นมีความสำคัญในการลดความโดดเดี่ยวและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในสังคม โมเดลการดูแลที่อิงชุมชน การแลกเปลี่ยนเวลา และการศึกษาบทบาทของปู่ย่าตายายถูกเน้นเพื่อเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีในทุกช่วงวัย ทั้งนี้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และภาคเอกชนมีความสำคัญอย่างยิ่ง
- นโยบายการสูงวัยอย่างมีสุขภาพดี ข้อเสนอแนะมุ่งเน้นการส่งเสริมการสูงวัยอย่างมีสุขภาพดีผ่านการดูแลที่อิงชุมชน ความร่วมมือระหว่างรุ่น และรูปแบบการดูแลที่บ้านที่ช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัว การเรียนรู้ตลอดชีวิต การรวมดิจิทัล และเทคโนโลยีช่วยเหลือมีความสำคัญในการลดความโดดเดี่ยวและเพิ่มศักยภาพให้กับผู้สูงอายุ นโยบายควรมีความครอบคลุม ยืดหยุ่น และคำนึงถึงเพศสภาพ โดยรับรู้โครงสร้างครอบครัวที่หลากหลายและบทบาทการดูแล ความสำคัญลำดับต้น ๆ ได้แก่ การขยายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UHC) การป้องกันการละเมิดผู้สูงอายุ และการแก้ไขปัญหาความอคติต่อภาวะสมองเสื่อม นโยบายสาธารณสุขควรส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ระหว่างรุ่นและการรู้เท่าทันสุขภาพ
- ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างรุ่น การประชุมเน้นย้ำความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นผ่านโครงการชุมชนและครอบครัว โดยเฉพาะการสนับสนุนพ่อแม่ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังและการสร้างพื้นที่ที่ครอบคลุมสำหรับคนทุกวัยเพื่อส่งเสริมการสูงวัยในสถานที่ โมเดลการดูแลเฉพาะบุคคล เช่น “Home Care Packages” และ “Home Share Model” ของประเทศออสเตรเลียเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยและเสริมสร้างความสัมพันธ์ในชุมชน สภาพแวดล้อมที่ครอบคลุมควรให้ความสำคัญกับการเข้าถึง ความปลอดภัย และการรวมเข้าด้วยกัน โดยใช้การสร้างนวัตกรรมด้านสุขภาพและเทคโนโลยีช่วยเหลือ การมีส่วนร่วมของชุมชนในการออกแบบนโยบายและการลงทุนด้านสุขภาพเชิงป้องกัน วิสาหกิจเพื่อสังคม และ “เศรษฐกิจสีเงิน” เป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรุ่น ความมั่นคงทางการเงิน และการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในสังคม
การประชุมครั้งนี้ได้สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือและการปฏิบัติที่สร้างสรรค์ในการสร้างสังคมที่ครอบคลุม ซึ่งสนับสนุนผู้คนในทุกช่วงวัยอย่างมีประสิทธิภาพ
